ลูกโก่งตัว กับ ท้องแข็ง ต่างกันอย่างไร?

  โค้งสุดท้ายก่อนคลอดท้องโตขนาดนี้! เคยสังเกตไหมคะ? ว่าอาการนูนที่พบอยู่บ่อยๆนั้น เกิดจากลูกของเราโก่งตัวหรือเป็นเพียงท้องแข็ง! กลายเป็นคำถามที่แม่หลายคนสงสัยและกังวลว่าอาจเป็นอันตรายกับเราและลูกในท้องหรือไม่? แล้ว 2 อาการนี้แตกต่างกันยังไง? มาดูกันค่ะ

ความแตกต่างระหว่าง “ลูกโก่งตัว” กับ “ท้องแข็ง”

ข้อที่ 1 ความรู้สึกแตกต่าง 

  สำหรับความรู้สึกเป็นสิ่งแรกที่แยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจนค่ะ โดนอาการลููกโก่งจะรู้สึกท้องแข็งเป็นจุดๆ และอาจเป็นรอยนูนขึ้นจุดใดจุดเดียว ในขณะที่ท้องแข็งจะมีอาการแข็งไปทั่วบริเวณท้อง หากพบว่าอาการท้องแข็งทั่วบริเวณท้องอยู่บ่อยครั้งและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นสัญญาณของการใกล้คลอดได้ค่ะ

ข้อที่ 2 สาเหตุที่แตกต่าง!

  นอกจากความรู้สึกแล้วสาเหตุการเกิดของ 2 อาการกลับต่างกันไปค่ะ โดยอาการแข็งเป็นบางจุดเป็นผลจากการที่ลูกดิ้นตัวและโก่งตัวเลยทำให้พบท้องแข็งนูนออกมาอย่างชัดเจนเพียงบางจุดเท่านั้น ส่วนอาการท้องแข็งเป็นผลมาจากที่มดลูกเกิดการบีบตัวหรือในบางครั้งอาหารที่ทานเยอะจนเกินไปทำให้ย่อยไม่ทันเลยนำมาสู่อาการท้องแข็งได้ค่ะ

ข้อที่ 3 ระยะเวลาแตกต่าง!

  สำหรับท้องแข็งเพราะลูกโก่งตัวมักจะพบในไตรมาสที่ 2-3 เพราะเป็นช่วงที่ทารกเริ่มดิ้น อาการจะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆและหายไปเองค่ะ ส่วนอาการท้องแข็งมักจะพบในช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะเป็นช่วงที่ท้องขยายใหญ่มากที่สุดทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ช้า อีกทั้งเป็นช่วงใกล้คลอดจึงเป็นอาการบีบตัวมดลูกอยู่บ่อยๆ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายค่ะ

ข้อที่ 4 ความเสี่ยงที่แตกต่าง!

  สำหรับท้องแข็งจากการที่ลูกดิ้นหรือตัวโก่งมักจะพบเป็นระยะหายไปเอง แต่ในขณะเดียวกันอาการท้องแข็งทั่วบริเวณท้องถ้าพบว่าแข็งติดต่อกันยาวนาน เกร็งและเจ็บปวด เพิ่มความถี่มากขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสที่ใกล้คลอดค่ะ 

  อาการท้องแข็งอย่างยาวนานก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของความดันสูงได้ ถ้าคุณแม่ไม่มั่นใจว่ามีความเสี่ยงระดับไหนแนะนำให้ปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอนะคะ

  ความแตกต่างระหว่างลูกโก่งตัวและอาการท้องแข็ง ดูเหมือนว่าสังเกตได้ง่ายกว่าที่เราคิดนะคะ ถ้าพบอาการแล้วรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ อย่ารอช้า ให้รีบพบแพทย์ทันที และอย่าลืมดูแลสุขภาพตลอดการตั้งครรภ์นะคะ

“แม่เฝ้ารอเจอหน้าลูก ทุกวินาทีที่อุ้มท้อง”